วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Lesson learned 3 29/01/2016






Lesson learned 3 

29/01/2016




ความรู้ที่ได้รับ

           เรื่อง ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ.. . 

1. กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง    

    มีความเป็นเลิศทางสติปัญญา.. .เรียกโดยทั่ว ๆ ไปว่า “เด็กปัญญาเลิศ” หรือ (Gifted Child)

ลักษณะของเด็กปัญญาเลิศ       

     มีพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจสูงกว่าเด็กในวัยเดียวกันเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ชอบซักถามเป็นคนตื่นตัว เฉียบแหลม ว่องไว และช่างสังเกต มีวิธีการคิดและแนวคิดแปลกๆ จดจำได้รวดเร็วและแม่นยำ.. .

“เด็กปัญญาเลิศ” หรือ (Gifted Child)



         1.  Kim Ung-Yong หรือ คิม
 Kin Ung-Yong  เด็กเกาหลีใต้ IQ 213 เข้ามหาลัยฯตอน 4 ขวบ พอ 7 ขวบ NASA ก็ได้เชิญไปเรียนที่ วิทยาลัย Colorado จนจบป.เอกด้านฟิสิกส์ก่อนอายุครับ 15 ปี และตอนที่เรียนอยู่ที่อมเริกา เขาได้ทำวิจัยใน NASA ไปด้วย ทำไปเรื่อยๆกระทั่งกลับมาเกาหลีในปี 1975 และได้ตัดสินใจเปลี่ยนสาขาจากฟิสิกส์ไปเป็นวิศวกรรมโยธาและได้ศึกษาจนได้รับปริญญาเอกอีกเช่นกัน


2. Akrit Jaswal : ศัลยแพทย์อายุ 7 ขวบ
          Akrit Jaswal เป็นชาวอินเดีย และได้รับการขนานนามว่า เด็กผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก เพราะมี IQ ถึง 146  Akrit กลายเป็นจุดสนใจของสาธารณะในปี 2000 เมื่อเขาได้ทำการรักษาคนไข้คนแรก คนไข้เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ มีฐานะยากจนไม่มีเงินพอที่จะไปหาหมอได้ มือของเธอถูกไฟลวกทำให้นิ้วมือกำแน่นติดกัน Akrit ในตอนนั้นยังไม่ได้เรียนแพทย์และยังไม่มีประสบการณ์ในการผ่าตัดใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เขาก็สามารถทำให้นิ้วมือของเด็กหญิงคลายออกมาได้และใช้มือได้เป็นปกติอีก ครั้ง


   3.Elaina Smith: ผู้ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิต อายุ 7 ขวบ
          สถานีวิทยุท้องถิ่นได้เสนองานให้คำปรึกษาปัญหาชีวิต Elaina  เธอรับปรึกษาตั้งแต่ปัญหาเรื่องจะทิ้งแฟนอย่างไร จะทำยังไงเมื่อเลิกกับแฟน ไปจนกระทั่งปัญหากลิ่นตัวของพี่น้องในบ้าน ครั้งหนึ่งได้มีคนฟังโทรศัพท์มาถาม Elaina ว่าทำยังไงเธอถึงจะได้แฟนของเธอกลับมา หนูน้อยบอกไปว่า ? ผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอที่จะคร่ำครวญถึง ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะไปเศร้าโศกถึงผู้ชายแค่คนเดียว?

เด็กอัจฉริยะเมืองไทย ธนัช เปลวเทียนยิ่งทวี

   4.ด.ช.ธนัช เปลวเทียนยิ่งทวี"

        ธนัช เปลวเทียนยิ่งทวี ที่โด่งดังไปทั่วโลกนั่นคือความสามารถทางด้านศิลปะ
ธนัช ได้ชื่อว่าเป็น จิตรกรวาดภาพสีน้ำในแนวนามธรรมที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก ที่สามารถจัดนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะเดี่ยว และสามารถจำหน่ายผลงานในขณะแสดงนิทรรศการได้จำนวนมาก ในวัยเพียง 3 ขวบครึ่ง





2.  กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่อง  



แบ่งออก  9 ประเภท

1.เด็กที่บกพร่องทางสติปัญญา
2.เด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน
3.เด็กที่บกพร่องทางการเห็น
4.เด็กที่บกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
5. เด็กที่บกพร่องทางการพูดและภาษา
6. เด็กที่บกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
7. เด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้
8. เด็กออทิสติก
9. เด็กพิการซ้อน 


เด็กที่บกพร่องทางสติปัญญา   (Children with Intellectual Disabilities) 

    - เป็นเด็กที่มีระดับสติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม

1.1 เด็กเรียนช้า  เด็กเรียนช้าสามารถเรียนในชั้นเรียนปกติได้แต่จะเรียนช้ากว่าเด็กปกติ  iQ 71-90
1.2 เด็กปัญญาอ่อน  เป็นเด็กที่มีระดับสติปัญญาต่ำ พัฒนาการล่าช้า การปรับตัวบกพร่อง ระดับสติปัญญา iQ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม

          -   เด็กปัญญาอ่อนขนาดหนักมาก IQ ต่ำกว่า 20
          -   เด็กปัญญาอ่อนขนาดหนัก IQ 20-34
          -   เด็กปัญญาอ่อนขนาดปานกลาง IQ 35-49
          -   เด็กปัญญาอ่อนขนาดปานกลาง IQ 35-49

ลักษณะของเด็กที่บกพร่องทางสติปัญญา
  • ไม่พูดหรือพูดได้ไม่สมวัย
  • วอกแวก
  • ทำงานช้า
  • กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
  • ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยกว่าเด็กปกติ

ดาวน์ซินโดรม ( Down Syndrome )




สาเหตุ  
เกิดจากความผิดของโครโมโซมคู่ที่ 21

อาการ  

• ศีรษะเล็กและแบน 
• หน้าแบน ดั้งจมูกแบน
• ตาเฉียงขึ้น ปากเล็ก
• ใบหูเล็กและอยู่ต่ำ 
• เพดานปากโค้งนูน ขากรรไกรบนไม่เจริญเติบโต
• ช่องปากแคบ ลิ้นยื่น ฟันขึ้นช้า
• มือแบนกว้าง นิ้วมือสั้น
• เส้นลายมือตัดขวาง นิ้วก้อยโค้งงอ 
                             ***ดาวน์ซินโดรมไม่ได้แค่กับคนแต่สัตว์ก็สามารถเป็นได้***


เจ้า เคนนี่ เสือขาวผู้เกิดมาเป็นดาวน์ซินโดรม
อยู่อเมริกา ตัวแรกของโลก



เด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน 

(Children with Hearing Impaired ) 



มี 2 ประเภท คือ เด็กหูตึง และ เด็กหูหนวก 

เด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน

1. เด็กหูตึง จำแนกได้ 4 กลุ่ม  
  • หูตึงระดับน้อย ได้ยินตั้งแต่ 26-40 dB
  • หูตึงระดับปานกลาง ได้ยินตั้งแต่ 41-55 dB
  • หูตึงระดับมาก ได้ยินตั้ง 56-70 dB
  • หูตึงระดับรุนแรง ได้ยินตั้งแต่ 71-90 dB
2. หูหนวก  ระดับการได้ยินตั้งแต่ 91 dB ขึ้นไป



เด็กที่บกพร่องทางการเห็น
(Children with Visual Impairments) 





 เด็กที่บกพร่องทางการมองเห็น
1. เด็กตาบอด  
มีสายตาข้างดีมองเห็นได้ในระยะ 6/60  20/200  ลงมาจนถึงบอดสนิท
มีลานสายตาโดยเฉลี่ยอย่างสูงสุดแคบกว่า 5 องศา

2.เด็กตาบอดไม่สนิท
เมื่อทดสอบสายตาข้างดีจะอยู่ในระดับ 6/18  20/60  6/60  20/200 หรือน้อยกว่านั้นมีลานสายตาโดยเฉลี่ยอย่างสูงสุดกว้างไม่เกิน 30 องศา



การประเมิน





Classroom Assessment (ประเมินในห้องเรียน)
ห้องเรียนสะอาด เย็นสบาย  อุปกรณ์สื่อการเรียนใช้ได้สะดวก

Self Evaluation   (ประเมินตนเอง)

มาเรียนตรงเวลา แต่งกายถูกระเบียบตั้งใจฟังที่อาจารย์สอน

Rated friend (ประเมินเพื่อน)

มาเรียนตรงต่อเวลาเพื่อนทุกคนตั้งใจเรียนช่วยกันตอบคำถามกันเป็นอย่างดี

Evaluating teacher  (ประเมินอาจารย์)

อาจารย์มาสอนตรงต่อเวลา สอนเข้าใจง่ายสนุก แต่งกายสุภาพ  และพูดจาไพเราะ

  
       
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น